เว็บตรง โรงเรียนใน แม่สอด หยุดเรียน หลังพบผู้ป่วยโควิดเพิ่ม

เว็บตรง โรงเรียนใน แม่สอด หยุดเรียน หลังพบผู้ป่วยโควิดเพิ่ม

โรงเรียน ใน แม่สอด กว่า 11 แห่งต้องสั่ง หยุดเรียน เว็บตรง ไปอีกสัปดาห์ หลังจากพบผู้ป่วยโควิดเพิ่ม 14 ราย โดยเกี่ยวข้องกับผู้ป่วยวัย 78 ปี และครอบครัว 22 คน โรงเรียน และศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ในสังกัดเทศบาลนครแม่สอด อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก 11 แห่ง รวมทั้งโรงเรียนแม่สอดในสังกัด สพป.ตาก เขต 2 และโรงเรียนเอกชนในเขตเทศบาลนครแม่สอด ต้องประกาศหยุดเรียน ในช่วงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ จนถึงวันที่ 12 กุมภาพันธ์ และเปิดเรียนในวันที่ 15 กุมภาพันธ์

โดยให้เหตุผลว่า มีการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา2019 (Covid-19) 

ในพื้นที่เขตเทศบาลอย่างต่อเนื่อง จึงต้องหยุดเรียน แต่มาปรับเป็นวิธีสอนแบบออนไลน์ โดยให้ครูประจำชั้นประสานกับทางผู้ปกครอง และนักเรียน ทั้งนี้ล่าสุด มีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้เก็บตัวอย่างชาวไทย และชาวเมียนมาในพื้นที่ตลาดศรีมอย และพื้นที่โดยรอบ จำนวน 4 จุด ทั้งหมดกว่า 2,400 คน และพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั้งหมด 14 ราย

ในจำนวนนี้ส่วนใหญ่เป็นชาวเมียนมาที่วางแผงลอยขายของในตลาดพาเจริญเกือบทั้งหมด ซึ่งเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลแม่สอด และทีมสาธารณสุขได้ไปถึงบ้านผู้ป่วย และนำผู้สัมผัสที่มีความเสี่ยงส่งไปยังสถานที่กักกัน และส่งเจ้าหน้าที่ไปพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อต่อไป

ส่วนที่โรงเรียนสรรพวิทยาคม ที่เป็นโรงเรียนประจำอำเภอแม่สอด และศูนย์กลางศึกษาระดับมัธยมปลาย ในสังกัดสพม.38 ได้จัดห้องเรียนและยังคงจัดการเรียนการสอนใน 2 รูปแบบ สลับกัน ระหว่างนักเรียนที่เรียนออนไลน์ กับ ไปเรียนที่โรงเรียน โดยมีมีมาตรการด้านสาธารณสุขอย่างเข้มข้น

สำหรับผู้ป่วยโควิด 14 ราย มีผลสืบเนื่องมาจากชายวัย 78 ปี กับครอบครัว 22 คน ที่อาศัยอยู่ในตลาดศรีมอย และแพร่เชื้อกระจายออกไปโดยการไปสัมผัส และใกล้ชิด

สื่อต่างชาติ ได้ออกมารายงานว่า ประชาชนชาวไทยจำนวนหนึ่งไม่ยอมโหลด หมอชนะ เนื่องจากความไม่ไว้วางใจที่เกิดขึ้นกับแอปฯดังกล่าว เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ สำนักข่าว ชาแนลนิวส์เอเชีย ได้รายงานว่า คนไทยจำนวนหนึ่งไม่ไว้ใจแอปฯ หมอชนะ แอปพลิเคชันที่ถูกออกแบบเพื่อติดตามสถานที่การเดินทางของผู้ใช้งาน และใช้ในการช่วยเหลือบุคลากรทางแพทย์ในการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศไทย

ผู้ให้สัมภาษณ์รายหนึ่งระบุว่า เธอไม่เคยดาวน์โหลดแอพฯดังกล่าว เนื่องจากเธอไม่ไว้ใจใน หมอชนะ เนื่องจากเธอกลัวว่าข้อมูลของเธอรั่วไหล จากไวรัส พร้อมชี้ให้เห็นอีกว่าเธอค่อนข้างเป็นกังวลกับการ ติดตามของรัฐบาลแบบอ้อมๆ หากเธอใช้แอปฯดังกล่าว

ซึ่งนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการตั้งข้อสงสัยถึงความโปร่งใสของแอปฯดังกล่าว และหากย้อนกลับไปเมื่อปีที่แล้ว ศูนย์ DPEX ที่เป็นศูนย์วิจัยการเข้าถึงข้อมูลของแอปฯตามตัวของประเทศในกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ระบุว่า หมอชนะ เป็นแอปฯที่ขอการเข้าถึงข้อมูลมากที่สุด

โดย DPEX ระบุว่าหมอชนะได้ขอการเข้าถึง กล้องถ่ายรูป, ประวัติการใช้งานอุปกรณ์, ตำแหน่งผู้ใช้, ไมโครโฟน, คลังรูปภาพ/คลิป/ไฟล์อื่น ๆ, พื้นที่เก็บข้อมูล และข้อมูลการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไร้สาย หรือ Wi-Fi ขณะที่แอปฯของสิงคโปร์ขอการเข้าถึงของแอปฯน้อยที่สุด

ทั้งนี้แอปฯหมอชนะเวอร์ชั้นล่าสุด ขอเพียงแค่รูปภาพ และการติดตามตัวเท่านั้น ซึ่งผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องมอบชื่อ เบอร์โทร และที่อยู่เหมือนเวอร์ชั้นก่อนหน้านี้ โดย นายจุลพงศ์ ผลเงาะ ผู้อำนวยการฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศยืนยันว่ารูปภาพที่ถ่ายจะถูกเก็บไว้ภายในเครื่องเท่านั้น

นอกจากนี้นายจุลพงศ์ยืนยันอีกว่าขณะนี้มีคนดาวน์โหลดแอปฯดังกล่าวแล้วราวๆ 7 ล้าน ถึง 8 ล้านคน ซึ่งคิดเป็นราวๆร้อยละ 20 ของประชาชนที่มีสมาร์ทโฟนในการครอบครอง โดยนายจุลพงศ์กล่าวว่า ประสิทธิภาพของหมอชนะ ขึ้นอยู่กับจำนวนประชาชนที่โหลดแอปฯดังกล่าว

สพฐ. ส่งหนังสือถึงโรงเรียนทั่วประเทศ ห้ามใช้ O-NET เป็นเกณฑ์ สอบเข้า ม.1 ม.4

เลขาธิการ กพฐ. ส่งหนังสือถึง ผอ.ทุกเขตพื้นที่การศึกษาทั่วประเทศ ย้ำการรับนักเรียน ม.1 และ ม.4 ไม่ให้นำผลคะแนนการทดสอบ O-NET มาใช้เป็นเกณฑ์

นายอัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ระบุว่า รมว.ศึกษาธิการ มีนโยบายเรื่องการทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน หรือ O-NET ระดับ ป.6 และ ม.3 ให้การทดสอบนี้เป็นเรื่องความสมัครใจของนักเรียน

จึงส่งหนังสือถึงผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทุกเขต เรื่องนโยบายและแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการรับนักเรียน สังกัด สพฐ.ปีการศึกษา 2564 (ฉบับที่ 2) ระบุตอนหนึ่งว่า จากการแพร่กระจายของเชื้อโควิด มีสถานศึกษาหลายแห่งที่ต้องปิดทำการเรียนการสอน และมีนโยบายลดภาระให้แก่ นร. ลดความซ้ำซ้อนของการประเมินทางการศึกษา

จึงได้ยกเลิกนโยบายการสอบโอเน็ต เฉพาะในการทดสอบระดับชั้น ป.6 และ ม.3 ทั้งนี้การดำเนินการสอบโอเน็ตของสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) ให้ถือเป็นสิทธิส่วนตัวโดยเฉพาะของนักเรียน ที่จะเข้ารับการทดสอบตามความสมัครใจ

เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและความเสมอภาคแก่นักเรียนทุกคน จึงแก้ไขเพิ่มเติมแนวปฏิบัติการรับนักเรียนชั้น ม.1 และ ม.4 โดยไม่นำผลคะแนนการทดสอบโอเน็ต มาใช้ในการรับนักเรียนเข้าศึกษา เว็บตรง / บาคาร่าเว็บตรง